รู้จักกับการปฏิวัติเทคโนโลยี Blockchain! Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดการข้อมูลแบบกระจาย โดยมีลักษณะการทำงานแบบ peer-to-peer หรือไม่มีตัวกลางใดๆ ที่จะควบคุมการทำงาน และมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ เช่น การป้องกันการปลอมแปลงข้อมูล และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมออนไลน์ มันเป็นพื้นฐานของสกุลเงินดิจิตอลเช่น Bitcoin, Ethereum และอื่นๆ โดยทุกๆ ข้อมูลที่ถูกเพิ่มเข้ามาจะถูกจัดเก็บในบล็อก (block) ซึ่งจะถูกเชื่อมต่อกันเป็นเป็นเส้นโค้ง (chain) โดยทุกๆ บล็อกจะมีข้อมูลหรือการทำธุรกรรมที่ได้รับการยืนยันโดยผู้ใช้งานในระบบเดียวกัน การยืนยันนั้นใช้วิธีการทำงานของ cryptography ในการยืนยันตัวตนและการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลการนำ Blockchain ไปใช้งานในสายงานต่างๆได้แก่การค้าสินค้าออนไลน์ เช่น การขายสินค้าออนไลน์ที่มีการเก็บข้อมูลของสินค้าที่จะไม่สามารถแก้ไขได้ นอกจากนี้ยังมีการใช้ Blockchain ในการจัดการข้อมูลเชิงธุรกิจ การรักษาความปลอดภัยในระบบเงินฝาก การตรวจสอบตัวตน และอื่นๆ
วันนี้เรานำเทคโนโลยี Blockchain มาช่วยปรับปรุงระบบการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของงานต่างๆ ด้วยความปลอดภัยและความเชื่อถือได้สูง จึงเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น หากคุณสนใจเรามาเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับ Blockchain ไปพร้อมๆกันกันเลย
ปัจจุบันมีการนำ Blockchain ไปในระบบงานใดบ้าง?
- การเงิน: ในสายงานการเงิน มีการใช้ Blockchain เพื่อป้องกันการปลอมแปลงของการทำธุรกรรม รวมถึงการทำการซื้อขายหลักทรัพย์
- การขนส่งและโลจิสติกส์: ในสายงานนี้ Blockchain ช่วยลดความเสี่ยงในการสูญหายของสินค้า และช่วยตรวจสอบการขนส่งที่ถูกต้อง
- การสุ่มรางวัลและเกมออนไลน์: ในสายงานนี้ Blockchain ช่วยให้ผู้เล่นและผู้ให้บริการมีความเชื่อมั่นในการสุ่มและการแลกเปลี่ยนสิ่งของ
- การใช้งานในโรงงาน: ในสายงานอุตสาหกรรม มีการใช้ Blockchain เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้าถึงอุปกรณ์และเครื่องมือ
- การเก็บข้อมูลและการจัดการทรัพยากร: ในสายงานด้าน IT และบริการดิจิทัล มีการใช้ Blockchain เพื่อเก็บข้อมูลและทรัพยากรในรูปแบบที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
นอกจากนี้ยังมีการใช้งาน Blockchain ในสายงานอื่น ๆ เช่น การลงทะเบียนโครงการที่มีปัญหาเรื่องการจัดการด้านรัฐบาล การบันทึกการเลือกตั้งและการออกเสียงในระบบการเลือกตั้ง การจัดการสิทธิบัตรและเอกสารการเงิน และอื่น ๆ สำหรับการใช้งาน Blockchain ในสายงานต่างๆ ยังมีข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจาณา
แล้วเทคโนโลยี Blockchain มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง?
ข้อดีของการใช้งาน Blockchain
ความปลอดภัย: การใช้งาน Blockchain มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากข้อมูลถูกเก็บเป็นบล็อกและมีการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลด้วยวิธีการเข้ารหัสที่ยากที่จะถูกแฮก ทำให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลและเปลี่ยนแปลงข้อมูได้ ความโปร่งใสของการทำธุรกรรมด้วย Blockchain มีความโปร่งใสและติดตามได้ง่าย เนื่องจากข้อมูลถูกเก็บบันทึกในบล็อกและสามารถเข้าถึงได้โดยตรง
ผู้ใช้งานสะดวกความเร็วและประหยัดเวลาในการทำธุรกรรมด้วย Blockchain มีความเร็วและประหยัดเวลามากกว่าการใช้วิธีการดั้งเดิม เนื่องจากไม่ต้องมีผู้กลางเพื่อประสานงานและยืนยันข้อมูล มีความยืดหยุ่นในการทำธุรกรรมต่างๆ เนื่องจากไม่ต้องพึ่งพาการติดต่อกับบุคคลที่สามหรือธนาคาร อีกทั้งการใช้งาน Blockchain มีความเป็นส่วนตัวสูง เนื่องจากข้อมูลไม่ต้องเผยแพร่ให้กับบุคคลที่สามหรือธนาคารโดยตรง จากที่ได้ใช้งานจริงๆการโอนเงินไปต่างประเทศด้วยค่าธรรมเนียนมที่ถูกมากๆและรวดเร็วและเราสามารถทำธุรกรรมได้ด้วยตนเองได้ทุกเวลา
ข้อเสียของการใช้งาน Blockchain
ความซับซ้อน ความยุ่งยากในการใช้งาน: การทำงานของ Blockchain มีความซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการศึกษาและเรียนรู้วิธีการทำงาน ทำให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีหรือความสามารถด้านคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องใช้บริการของผู้ให้บริการ Blockchain ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำงานปกติ ในเรื่องของความเสี่ยงของข้อมูล Blockchain ถือเป็นเทคโนโลยีที่ยังไม่มีการพัฒนาที่สมบูรณ์แบบ และยังมีช่องโหว่ที่อาจเปิดเผยข้อมูลและการทำธุรกรรมที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ต้องมีการใช้ระบบความปลอดภัยที่ดีเพื่อป้องกันการโจมตีและการแฮ็กเข้าระบบ
ดังนั้นการสูญเสียข้อมูลหากผู้ใช้ไม่รักษารหัสผ่านหรือกุญแจส่วนตัวอย่างดี ในส่วนความเป็นไปได้ในการโกง การโกงในการใช้งาน Blockchain ยังเป็นไปได้ แม้ว่าเทคโนโลยี Blockchain จะมีความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มากยิ่งกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การโกงใน Blockchain ยังเป็นไปได้ด้วยวิธีการเขียนโปรแกรมเพื่อโจมตีจากผู้ไม่หวังดี
ads suggest
เราจะนำเทคโนโลยี Blockchain ได้จากอะไร?
สำหรับวิธีใช้งาน Blockchain สามารถทำได้หลายวิธี ตามลักษณะของ Blockchain นั้นๆ แต่ละประเภท แต่ส่วนมากจะมีขั้นตอนอย่างน้อยดังนี้
- การเข้าถึง Blockchain ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน บาง Blockchain จะมีเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับ Blockchain นั้นๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้ เช่นการสร้างกระเป๋าเก็บเหรียญ (wallet), การส่งและรับเหรียญดิจิทัล และอื่นๆ
- การเข้าถึง Blockchain ผ่านโปรแกรมเชื่อมต่อ (Blockchain client) บาง Blockchain ต้องการโปรแกรมเชื่อมต่อ (Blockchain client) เพื่อเข้าถึง Blockchain นั้นๆ เช่น Bitcoin Core สำหรับ Bitcoin หรือ Geth สำหรับ Ethereum โดยในการใช้งานจะต้องดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมนี้ก่อน
- การเข้าถึง Blockchain ผ่าน Application Programming Interface (API) บาง Blockchain จะมี Application Programming Interface (API) ที่เปิดเผยให้นักพัฒนาโปรแกรมสามารถเชื่อมต่อและทำธุรกรรมกับ Blockchain ได้โดยตรง ซึ่งสามารถนำไปใช้งานในการพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ ได้
- การเข้าถึง Blockchain ผ่านเครือข่าย (Network) บาง Blockchain สามารถใช้เครือข่าย (network) เพื่อเชื่อมต่อกับ Blockchain นั้นๆ ได้ เช่นเครือข่าย Bitcoin ที่ใช้โปรโตคอล P2P (Peer-to-Peer) สำหรับการส่งและรับ Bitcoin ระหว่างผู้ใช้งาน
นำ Blockchain มาใช้ในชีวิตประจำวันได้มีหลายแง่มุม
- การชำระเงินและการทำธุรกรรมการเงิน: Blockchain สามารถใช้ในการทำธุรกรรมการเงินได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือบุคคลกลางเพิ่มเติม นั่นหมายความว่าจะช่วยลดค่าธรรมเนียมและเวลาในการทำธุรกรรม และทำให้การชำระเงินได้รับการยืนยันไว้ว่าถูกต้องและปลอดภัย
- การบันทึกข้อมูลและการติดตามการส่งสินค้า: การใช้ Blockchain ในการติดตามการส่งสินค้าจะช่วยให้เราสามารถติดตามได้ว่าสินค้าของเราอยู่ที่ไหนและว่าถึงแล้วหรือยัง โดย Blockchain จะทำหน้าที่เป็นที่เก็บข้อมูลและยืนยันตัวตนของการทำธุรกรรมเพื่อเป็นการยืนยันว่าสินค้าจริงๆ ถูกส่งถึงบุคคลที่ถูกต้อง
- การจัดการธุรกรรมทางการแพทย์: การใช้ Blockchain สามารถช่วยลดปัญหาการสะสมข้อมูลทางการแพทย์ของผู้ป่วยได้ โดยจะทำการบันทึกข้อมูลของผู้ป่วยลงใน Blockchain เพื่อให้เก็บข้อมูลได้อย่างปลอดภัย และช่วยลดการซ้ำซ้อนในการทำงานของทีมแพทย์
- การเลือกตั้ง: Blockchain สามารถใช้ในการเลือกตั้งได้โดยการสร้างโมดูลโหวตบน Blockchain ที่จะช่วยเพิ่มความโปร่งใส
Blockchain ที่ถูกพัฒนานำมาใช้?
ตัวอย่างการนำ Blockchain มาจัดการธุรกรรมทางการแพทย์คือโครงการ MedRec ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยระบบสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Health Service) โดยโครงการนี้เป็นการพัฒนาแพลตฟอร์ม Blockchain สำหรับจัดการและแบ่งปันข้อมูลทางการแพทย์ระหว่างโรงพยาบาลและผู้ป่วย โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาล ลดเวลาในการตรวจสอบประวัติการรักษา และป้องกันการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยโดยไม่ได้รับอนุญาต
ผู้ใช้แต่ละคนจะมีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเองผ่านเครือข่าย Blockchain โดยการเข้าถึงจะต้องผ่านการตรวจสอบและการรับรองตัวตนก่อน จึงจะสามารถเข้าถึงข้อมูลของตนเองได้ และสามารถแชร์ข้อมูลเหล่านี้กับบุคคลอื่นได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว โดยเทคโนโลยี Blockchain จะช่วยให้ข้อมูลนี้ถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัยและป้องกันการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งาน MedRec จะช่วยลดเวลาในการตรวจสอบประวัติการรักษา ทำให้การรักษาผู้ป่วยมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างการนำ Blockchain มาจัดการอุปกรณ์ IoT คือโครงการ IOTA (Internet of Things Application) ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่ IoT และการเชื่อมต่ออุปกรณ์เพื่อเก็บข้อมูลและส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์อื่นๆ โดยใช้เทคโนโลยี Tangle ที่เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกับ Blockchain ในการจัดการกับข้อมูลที่ส่งไปมาระหว่างอุปกรณ์ IoT โดยไม่ต้องใช้ค่าธรรมเนียมและระยะเวลาในการตรวจสอบการทำธุรกรรมดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการจัดการอุปกรณ์ IoT และการส่งข้อมูลที่มีปริมาณมาก นอกจากนี้ โครงการ IOTA ยังมุ่งเน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลด้วยการใช้หลักการของ Blockchain ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในระบบ IoT อีกด้วย
หากสนใจบทความ รู้จักกับการปฏิวัติเทคโนโลยี Blockchain! สาระดีๆโปรดติดตามผ่านช่องทางของเรา webpage และ facebook page
เผยแพร่โดย admin[pr@anctecstore.com]